ฉันจะคุยกับเจ้าของร้านเท่านั้น ไม่ใช่ลูกจ้างอย่างเธอ !!
*****************************
เขียนโดย ภก.สุกี้ (Sanook User Name: Sukiro)
www.ProAndBest.com
http://webboard.women.sanook.com/forum/?topic=3124838
*****************************
วันหนึ่ง… หลังจากมีของมาส่งที่ร้านของฉัน ก็ถึงคราวต้องจัดการกับสินค้าที่มาใหม่ทั้งหลาย ไหนจะต้องพิมพ์ข้อมูลสินค้าเข้าในคอม จัดการเอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อย ติดป้ายราคา จัดเรียงสินค้าขึ้นชั้นวาง และอีกสารพัด … เล่นเอาผมเผ้าฟูฟ่อง และเสื้อผ้ายุ่งเหยิงไปเหมือนกัน
ขณะกำลังง่วนกับการจัดวางสินค้าขึ้นชั้นวาง ก็สังเกตเห็นว่า ลูกค้าท่าทางแบบไฮโซท่านหนึ่ง (ที่ว่าไฮโซ เพราะดูจากการแต่งหน้าจัดจ้าน อายุราว 40-50 ผมเป็นกระบังลมขนาดเกือบ 10 ซม.!! พร้อมเฟอร์นิเจอร์ประดับร่างกายเป็นของแบรนด์เนมแพงหูฉี่ทุกชิ้น ) กำลังทำหน้าสงสัยกับสินค้าตัวหนึ่งอยู่ได้สักระยะ จึงเดินเข้าไปเสนอความช่วยเหลือพร้อมพูดว่า “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ลูกค้าหันหน้าแบบเรียบเฉยมามองฉัน พร้อมกับสำรวจร่างกายฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็พูดว่า “ประทานโทษนะ ฉันจะคุยกับเจ้าของร้านเท่านั้น ไม่ใช่ลูกจ้างอย่างเธอ !!! เพราะเธอคงลดราคาให้ฉันได้ไม่มากเหมือนเจ้าของร้าน !!!” แล้วเค้าก็ตะโกนข้ามหัวไปที่แคชเชียร์ของร้าน (ซึ่งเป็นลูกจ้างของฉัน!!) และพูดว่า “ขวดนี้ลดได้เท่าไรเนี่ย”
แคชเชียร์ซึ่งได้ยินคำพูดบาดใจของไฮโซดังกล่าว ก็ยังอยู่ในอาการอึ้งๆ และไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ฉันก็เลยหันกลับไปหาน้องแคชเชียร์และพูดไปว่า “ลดได้เท่าไรคะเจ๊” (แอบเนียนตามลูกค้าไฮโซไปด้วย) แคชเชียร์เมื่อได้สติแล้ว ก็ตอบลูกค้าไป ส่วนตัวฉันก็หันไปยิ้มหวานๆ ให้ลูกค้าพร้อมเดินถอยฉากออกมา สักพัก ลูกค้าก็เลือกสินค้าเสร็จและเดินมาจ่ายตังค์ที่แคชเชียร์ ระหว่างการจ่ายเงิน ก็ยังบ่นออกมาอีกว่า “ดีใจจังที่มาซื้อของแล้วเจอเจ้าของร้าน เนี่ย…ไปซื้อของกี่ร้านต่อกี่ร้าน เจอลูกจ้างขายทีไร ไม่ค่อยได้เรื่องเลย จะต่อราคาก็ลดได้ไม่มาก ขายของแบบนี้ลูกค้าหนีหมด ใช่มะ” ขณะนั้น ฉันเองก็แอบฟังอยู่หลังร้านพร้อมกับอมยิ้ม
เมื่อนึกทบทวนเหตุการณ์ข้างต้น ก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที แค่ “เสื้อผ้าหน้าผม” ก็ทำให้เราถูกตัดสิน และถูกจัดชนชั้นไปต่างๆ นานา เมื่อคนเราตัดสินดังกล่าวแล้ว ก็เลือกที่จะยกตนไปสู่ระดับที่มองว่า “สูงกว่า” “ดีกว่า” และ “เหมาะสมกับฉัน” มากกว่า
นี่ยังโชคดีว่า การตัดสินคนแค่เปลือกนอกเช่นครั้งนี้ มิได้นำไปสู่การชี้วัดว่า เขาเป็น “คนดี” หรือ “คนชั่ว”, เป็น “พวกกู” หรือ “พวงคุณ” เพราะ “ระดับ” ของคน ไม่ได้วัดกันจากเฟอร์นิเจอร์หรือเสื้อผ้าหน้าผมที่เค้ามี แต่เป็นผลิตผลจาก “ความดี” หรือ “บุญบารมี” ที่แต่ละคนต้องปฏิบัติและสั่งสมกันมา
น้ำหอมจะขวดไหน ยี่ห้อไหน ถ้าจะใช้ ก็ต้องฉีด และหอมได้ในวงจำกัด และระยะเวลาหนึ่ง
แต่ “ความดี” แค่มีและถือไว้ ก็ทำให้เราหอมได้ไกลไปทั่วโลก และหอมได้นานชั่วลูกชั่วหลาน