ตัวการทำร้ายผิว
1. แป้งขัดขาวและน้ำตาล
แป้งขัดขาวและน้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple carbohydrate) ที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน สลายตัวง่าย ย่อยสลายเป็นกลูโคส และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็ว มีมากในผลไม้รสหวาน น้ำผึ้ง อ้อย น้ำตาลทราย นม โดยคาร์โบไฮเดรตกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic หรือ GI) สูง นั่นหมายความว่า หากรับประทานอาหารที่มี GI สูง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็วไปด้วย
อาหารกลุ่มนี้จะทำปฏิกิริยา Glycation ส่งผลให้โมเลกุลของน้ำตาลเข้าไปเกาะกับโปรตีนในร่างกาย เช่น ทำให้คอลลาเจนในผิวผิดรูปร่าง ทำให้เม็ดสีเพิ่มขึ้นกลายเป็นจุดด่างดำ จนถึงกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ก่อให้เซลล์ผิวอักเสบและเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ผิวจึงไม่สดใสเปล่งปลั่ง
กินอย่างไรผิวไม่เสีย
คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย การงดรับประทานแป้งและน้ำตาลอย่างถาวรอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ คุณจึงควรเปลี่ยนมารับประทานแป้งกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex carbohydrate) เช่น แป้งจากธัญพืช ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท แทน เพราะมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ มีเส้นใยอาหารปะปน ทำให้ระดับน้ำตาลน้อยกว่า
นอกจากนี้ควรเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม โดยหันมากินน้ำตาลเทียมประเภทชูการ์แอลกอฮอล์ ซึ่งทำจากสาหร่ายสีน้ำตาล ที่เดิมถูกนำมาใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานเพราะไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และไม่เป็นอันตรายกับร่างกายจึงนิยมใช้ในการทำอาหารมากขึ้น
2. ไขมันทรานส์
ไขมันทรานส์เกิดจากกระบวนการการแปรสภาพไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นไขมันอิ่มตัวสูง โดยการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันพืช เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง จึงมีลักษณะเป็นกึ่งของแข็ง เช่น มาร์การีนหรือเนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม โดยมีชื่อบนฉลากอาหารว่า กรดไขมันชนิดทรานส์ หรือ Hydrogenated Oil หรือ Partially Hydrogenated Oil นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อให้อาหารคงความกรอบและเก็บได้นานขึ้น โดยไม่มีกลิ่นหืน ตัวอย่างของอาหารที่มีไขมันทราส์สูงได้แก่
อาหารประเภทฟาสฟู้ด ไก่ทอด มันฝรั่งทอด เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยวสำเร็จรูป ครีมเทียม เป็นต้น เมื่อรับประทานอาหารเหล่านี้ จะเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายขณะเผาผลาญมีผลให้เซลล์เสื่อมโทรม นอกจากไขมันทรานซ์จะเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) แล้ว ยังเข้าไปลดไขมันชนิดดี (HDL) จึงเป็นสาเหตุของการเกิดเซลลูไลต์ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อีกด้วย
กินอย่างไรผิวไม่เสีย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยหันมาบริโภคอาหารที่ไม่ใช้ไขมันทรานส์ หลีกเลี่ยงอาหารทอดนอกบ้าน หันมากินผลิตภัณฑ์ไขมันต่ำ เบเกอรี่ที่ทำจากเนยสดแทนมาการีน และรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
(Monounsaturated) ที่พบมากในน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา และน้ำมันรำข้าว เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระและคอเลสเตอรอลต่ำ
3. คาเฟอีน
คาเฟอีนพบในเครื่องดื่มประเภท ชา กาแฟ ช็อกโกแลต มีผลให้สมองส่วนที่ควบคุมระดับน้ำของร่างกายขับน้ำมากกว่าปกติ ทำให้น้ำในเซลล์ผิวหนังมีปริมาณลดลง ผิวจึงแห้ง และไม่เปลั่งปลั่ง
กินอย่างไรผิวไม่เสีย
หากคุณชอบดื่มชา กาแฟ ร้อนๆในช่วงเช้า อาจเปลี่ยนมาดื่มโกโก้ที่มีปริมาณคาเฟอีนน้อยหรือชาเขียวร้อนซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก ถ้าเป็นคนติดกาแฟก็ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน เพื่อไม่ให้มีปริมาณคาเฟอีนสูงเกินไป แล้วอย่าลืมดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำของร่างกายจะ ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้คะ
4. เครื่องดื่มแอลกฮออล์
แอลกอฮอล์เป็นอริตัวฉกาจของผิวพรรณ เพราะทำให้ระดับสารอนุมูลอิสะในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสารอนุมูลอิสระที่มากเกินไป จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและขาดความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น แลดูหมองคล้ำ นอกจากนี้แอลกอฮลล์ยังเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมวิตามินบีของร่างกาย ทำให้เซลล์ผิวอ่อนแอ กระตุ้นการอักเสบของโรคสะเก็ดเงิน และยังไปทำลายกรดโฟลิกซึ่งมีผลให้ผมหงอกเร็วอีกด้วย
กินอย่างไรผิวไม่เสีย
"การไม่ดื่ม" คือทางออกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผิว แต่ถ้าจำเป็น ก็ไม่ควรดื่มเกิน 1 ดริ๊งค์ และควรกินวิตามินบีรวมและกรดโฟลิกชนิดเม็ดเสริม
ดังที่กล่าวมาแล้ว เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและผิว คุณอาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินทีละน้อย โดยลดปริมาณอาหารที่ไม่จำเป็นและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปทดแทน เพื่อปรับสภาพร่างกาย เช่น ลดปริมาณน้ำตาล ความหวานที่รับประทานลงเพื่อไม่ให้ร่างกายติดรสหวาน เลือกกินอาหารจานด่วนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแทนฟาสฟู้ด เลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวจากแป้งไม่ขัดขาว ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช เป็นต้น
เพียงแค่รู้ทันและรู้จักพลิกแพลง ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่า เมนูโปรดจะกลายเป็นตัวบั่นทอนสุขภาพผิวของคุณอีกต่อไป
วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ตัวการทำร้ายผิว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น